นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ มีแผนที่จะพัฒนาศูนย์จำหน่ายสินค้าเกษตรชุมชน (ฟาร์ม เอาต์เล็ท) ให้เป็นช่องทางในการจำหน่ายสินค้าให้กับเกษตรกร ผู้ผลิตสินค้าชุมชน เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาด้านราคาตกต่ำ หรือผลผลิตล้นตลาด โดยจะนำผู้ประกอบการฟาร์ม เอาต์เล็ท ที่ประสบความสำเร็จ สถาบันการศึกษา และเครือข่าย ม็อค บิส คลับ มาช่วยเหลือผู้ประกอบการที่เพิ่งเริ่มดำเนินการ หรือดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว ในลักษณะเพื่อนช่วยเพื่อน แล้วเปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ รูปแบบการทำธุรกิจ และให้นำไปปรับใช้ เพี่อขับเคลื่อน ฟาร์ม เอาต์เล็ท ให้เติบโต เพื่อให้เป็นร้านค้าหรือเป็นศูนย์ในการจำหน่ายสินค้าเกษตร เกษตรอินทรีย์ และสินค้าชุมชนในพื้นที่ ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มทางเลือกในการบริโภคให้กับคนในพื้นที่ แต่ยังเพิ่มทางเลือกในการซื้อสินค้าไปบริโภคและนำไปเป็นของฝากสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวในพื้นนั้น ๆ ด้วยคำพูดจาก ทดลองใช้ สูตรสล็อต
ทั้งนี้ กรมฯ ยังจะช่วยประสานให้มีการนำสินค้านอกพื้นที่ มาจำหน่ายใน ฟาร์ม เอาต์เล็ท เช่น สินค้าจากตลาดต้องชม ที่มีอยู่ประมาณ 239 แห่ง สินค้าจากหมู่บ้านทำมาค้าขาย 35 แห่ง หรือจะนำสินค้าเกษตรจากพื้นที่อื่น ที่มีปัญหาผลผลิตออกสู่ตลาดมาก และราคาตกต่ำ มาช่วยระบาย เช่น หอมแดง กระเทียม หรืออาจจะเป็นผลไม้ตามฤดูกาลก็ได้ รวมทั้งจะใช้ “อมก๋อย โมเดล” มาใช้ในการเชื่อมโยงการซื้อขาย ระหว่างผู้ประกอบการ ฟาร์ม เอาต์เล็ท กับเกษตรกร เพื่อนำผลผลิตเข้ามาจำหน่าย ซึ่งทั้งหมดนี้ จะช่วยเพิ่มความหลากหลายของสินค้าที่จำหน่ายใน ฟาร์ม เอาต์เล็ท
“ต่อไป ฟาร์ม เอาต์เล็ท ไม่เพียงแต่จำหน่ายสินค้าเกษตร เกษตรอินทรีย์ สินค้าชุมชนในพื้นที่ แต่จะมีสินค้าจากพื้นที่อื่น สินค้าชื่อดังจากที่อื่นมาขายด้วย เช่น กล้วยตาก จากกำแพงเพชร กาแฟแม่กำปอง จากเชียงใหม่ เครื่องเงินชื่อดังจากจังหวัดต่าง ๆ เป็นต้น และจะทำถึงขั้น มีตัวอย่างให้ดู ถ้าสนใจก็สามารถสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ก็ได้ ส่วน Farm Outlet ที่ใหญ่ ๆ และตั้งอยู่ในพื้นที่ท่องเที่ยว ก็จะผลักดันให้เป็นจุดพักนักท่องเที่ยว ที่จะเข้ามาพัก มาชม มาเลือกซื้อสินค้าด้วย”คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ปัจจุบัน ฟาร์ม เอาต์เล็ท มีอยู่จำนวน 69 แห่ง ใน 40 จังหวัดทั่วประเทศ แยกเป็นภาคเหนือ 10 แห่ง ใน 7 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 17 แห่งใน 10 จังหวัด ภาคกลาง 29 แห่งใน 15 จังหวัด และภาคใต้ 13 แห่ง ใน 8 จังหวัด โดยแต่ละแห่งมียอดจำหน่ายเฉลี่ยเดือนละ 50,000-1,500,000 บาท